ลาแดนอาลาดิน

มาร่วมเล่าประสบการณ์ของรุ่นตัวเองได้ที่นี้นะครับ ..................



>>>ลาแดนอาลาดิน<<<

โอ้แดนนี้ แดนที่ใฝ่ถวิล
แดนอาลาดิน แห่งช่างศิลป์ของชาติไทย
เขตรั้วม่วงขาว งามเพลิดพราว สดใส
รวมความดีที่ภูมิใจ รวมความรักใคร่ในฤดี...
 เด่นทิวสน ยืนต้นอยู่ไสว
ต้องลมส่ายใบแว่วเสียงคล้ายดังดุรีย์
พรรณไม้เกลื่อนตา พฤกษ์นานาหลากหลายสี
อาลาดินถิ่นเรานี้ งามซึ้งฤดีรื่นอารมณ์
 ยามสายันต์ตะวันลับเหลี่ยมเมฆา
เห็นเงาไม้ทอดมา อาลาดินน่าชม
โอ้ สวรรค์ทิพย์สถานรื่นรมย์ ที่เราได้สุขสม เคยร่วมสังคมนานมา....

 จากสถาน วิมานที่เคยรัก
ที่เคยพิงพักแหล่งฟูมฟัก วิทยา...
จะขอกราบกราน ครูอาจารย์ที่เรียนมา
โอบมวลมิตรกล่าวอำลา ยิ้มด้วยน้ำตาให้...อาลาดิน..."

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

วันนั้นสอบวันสุดท้ายพอดีครับ...
หลังจากสอบเสร็จ ก็มีการถวายบังคมลา พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายทั้งปวง ภายในโีรงเรียนช่างฝีมือทหาร
ที่คอยปกปักรักษาดูแลพวกเราตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่อยู่ที่นี่


ก่อนที่จะเดินมาที่ลานรวมพลครับ...ในตอนนั้นน้องๆปีหนึ่ง
ก็ได้มาตั้งแถวรอส่งสองข้างทาง
พอเดินเข้ามาที่ลานน้องปีสองก็มารออยู่ก่อนแล้ว....

ก่อนจะโยนก็ฟังโอวาทจากผู้บังคับบัญชา ส่วนมากก็จะเป็นเรื่อง
การปฏิบัติตน เมื่อ ออกไปทำงาน...ซะเป็นส่วนใหญ่

หลังจากนั้นก็ปรับแถวให้เป็นรูปวงกลม
พี่ปี3อยู่ด้านใน น้องปีสองอยู่วงกลาง
ปีหนึ่งอยู่วงนอกสุด

ปีสามกอดคอร้องเพลงประจำสถาบัน
และที่ขาดไม่ได้...เพลงประจำของพวกเรา ไม่ว่าจะจัดคอนเสิร์ต
หรือเล่นงานไหนๆ จะจบด้วยเพลงนี้เสมอ
"เราและนาย"

ส่วนเพลงสุดท้าย...ลาแดนอาลาดิน


"โอ้แดนนี้ แดนที่ใฝ่ถวิล
แดนอาลาดิน แห่งช่างศิลป์ของชาติไทย
เขตรั้วม่วงขาว งามเพลิดพราว สดใส
รวมความดีที่ภูมิใจ รวมความรักใคร่ในฤดี...
เด่นทิวสน ยืนต้นอยู่ไสว
ต้องลมส่ายใบแว่วเสียงคล้ายดังดุรีย์
พรรณไม้เกลื่อนตา พฤกษ์นานาหลากหลายสี
อาลาดินถิ่นเรานี้ งามซึ้งฤดีรื่นอารมณ์
ยามสายันต์ตะวันลับเหลี่ยมเมฆา
เห็นเงาไม้ทอดมา อาลาดินน่าชม
โอ้ สวรรค์ทิพย์สถานรื่นรมย์ ที่เราได้สุขสม เคยร่วมสังคมนานมา....

จากสถาน วิมานที่เคยรัก
ที่เคยพิงพักแหล่งฟูมฟัก วิทยา...
จะขอกราบกราน ครูอาจารย์ที่เรียนมา
โอบมวลมิตรกล่าวอำลา ยิ้มด้วยน้ำตาให้...อาลาดิน..."

ตอนยืนร้องเพลงนี้...น้ำตาจะไหล
กลายเป็นคนขี้แยตั้งแต่มะไหร่ฟระ-*-
เหอะๆ....

พอสุดเพลงนี้ก็ โยนกระเป๋า ให้ลอยละลิ่วววววว สู่ฟากฟ้า
แล้วก็ร่วงลงมาโดนหน้าตัวเองหนึ่งที...(เป๋าใครก็ไม่รุ- -*)



การโยนกระเป๋า ถือเป็นการสละแล้วซึ่งกิเลส...
เย้ย!!!! ไม่ใช่ละ

การโยนกระเป๋าถือเป็นการสละแล้วซึ่ง การเป็นนักเรียนครับ
กระเป๋าที่โยนออกไปแล้ว จะไม่มีการเก็บมาอีก...


หมดแล้ว...ความกดดัน
หมดแล้ว...ความสิ้นหวังที่เคยมี
หมดแล้ว...ความทรมาน ใน3ปี

วันนี้......หน้าที่ เปลี่ยนไป


จบแล้ว...จากนี้ต้องทำงานละครับ^^


ชีวิตนักเรียนหมดไป พร้อมกับชีวิตวัยรุ่น...ของกรุT^T

อดเที่ยวเลย วะฮ่าๆ....
แต่ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้ชิลๆ
แค่ไม่เป็นภาระของพ่อกับแม่ก็พอละ^^...